วิธีกำจัดสแกมเมอร์เหล่าวายร้ายต้องรู้เท่าทันมัน!
โดย สำนักข่าว Thailand Today’s in news🦅🦅
Date 24.10.68 Time 16:02 Pm

สแกมเมอร์มักใช้ช่องทางออนไลน์เป็นหลักในการเข้าถึงเหยื่อ เช่น โซเชียลมีเดีย อีเมล SMS แอปพลิเคชันหาคู่ และการโทรศัพท์ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) โดยการสร้างเรื่องราวที่น่าเชื่อถือ หรือสร้างสถานการณ์ที่ทำให้เหยื่อเกิดความกลัว ความโลภ หรือความเห็นอกเห็นใจ เพื่อให้เหยื่อตกหลุมพรางและทำตามที่พวกเขากำหนด

 

วิธีกำจัดและรับมือกับสแกมเมอร์ (Scammers) โดยหลัก ๆ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การป้องกันตัวเอง และ การดำเนินการเมื่อตกเป็นเหยื่อ

 

  1. วิธีป้องกันและรับมือเมื่อถูกติดต่อจากสแกมเมอร์ (ก่อนเกิดความเสียหาย)

ตั้งสติและไตร่ตรอง อย่าหลงเชื่อข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง หรือถูกกดดันให้รีบตัดสินใจ เช่น “ถ้าไม่โอนตอนนี้จะพลาดโอกาส จะถูกดำเนินคดีนะ”

 

4 วิธีรับมือกับตัวสแกมเมอร์

 

  1. อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลการเงิน อย่าเปิดเผยรหัสผ่าน, เลขบัตรประชาชน, เลขบัญชี, รหัส OTP, หรือข้อมูลบัตรเครดิต/เดบิตใด ๆ

 

  1. อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบที่ไม่น่าไว้ใจ หากได้รับข้อความหรืออีเมลที่น่าสงสัย ให้เข้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันขององค์กรนั้น ๆ โดยตรงแทนการคลิกลิงก์ที่ส่งมา

 

  1. ตรวจสอบให้แน่ใจ หากอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ธนาคาร หรือบริษัท ให้ วางสายหรือหยุดตอบ แล้วโทร.ติดต่อหน่วยงานนั้น ๆ ด้วยตนเองผ่านเบอร์โทรศัพท์ที่เป็นทางการ

 

  1. บล็อกและรายงาน บล็อกเบอร์โทรศัพท์หรือบัญชีผู้ใช้ที่น่าสงสัย และรายงานไปยังแพลตฟอร์มที่ใช้ (เช่น โซเชียลมีเดียหรือแอปพลิเคชันหาคู่)

 

  1. วิธีดำเนินการเมื่อตกเป็นเหยื่อสแกมเมอร์ (เกิดความเสียหายแล้ว)

หากคุณทำการโอนเงิน หรือให้ข้อมูลสำคัญไปแล้ว ควรรีบดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้ ให้เร็วที่สุด

 

1. ติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องทันที

แจ้งเหตุและขอระงับหรือยกเลิกธุรกรรมโดยติดต่อธนาคารที่คุณโอนเงินออกไปและธนาคารเจ้าของบัญชีปลายทาง (ถ้าทราบ) เพื่อแจ้งเหตุการณ์และขอให้ธนาคารระงับการโอนเงินหรืออายัดบัญชี

 

2 รวบรวมหลักฐานทั้งหมด

หลักฐานการโอนเงิน: สลิปการโอนเงิน, วันที่, เวลา, หมายเลขบัญชีปลายทาง

 

หลักฐานการติดต่อ ได้แก่ ข้อความสนทนา อีเมล บันทึกการโทร (ถ้ามี) ชื่อโปรไฟล์ของสแกมเมอร์ ช่องทางที่ใช้หลอกลวง

 

  1. แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

แจ้งความออนไลน์โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com (ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) เพื่อแจ้งความคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

 

โดยหากไม่สะดวกแจ้งความทางออนไลน์ สามารถนำหลักฐานทั้งหมดไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่ได้โดยตรง

 

สายด่วนตำรวจไซเบอร์ (บช.สอท.) โทร. 1441

 

  1. ดำเนินการปกป้องข้อมูลส่วนตัว (หากมีการให้ข้อมูลไป)

เปลี่ยนรหัสผ่านทันที หากคุณใช้ชื่อผู้ใช้ (Username) หรือรหัสผ่าน (Password) เดียวกันในหลายระบบ ควรรีบเปลี่ยนรหัสผ่านทั้งหมด

 

และทำการอายัดบัตรหากมีการให้ข้อมูลบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตไป ควรรีบติดต่อธนาคารเพื่ออายัดบัตร

 

  1. สแกนไวรัสมัลแวร์ หากถูกหลอกให้ติดตั้งโปรแกรมหรืออนุญาตให้ควบคุมเครื่องจากระยะไกล ควรรีบตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หรือทำการถอนการติดตั้งโปรแกรม และสแกนไวรัสหรือมัลแวร์ในเครื่องที่ถูกมันหลอก

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัญหาอาชญากรรมทางการเงินและภัยออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น ธนาคารส่วนใหญ่ในประเทศไทยได้ทำการจัดตั้ง “สายด่วน” หรือช่องทางเฉพาะขึ้นมาเพื่อรับแจ้งเหตุจากมิจฉาชีพเหล่าสแกมเมอร์ตัวนี้โดยตรง ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถอายัดบัญชีได้อย่างรวดเร็ว

 

สำหรับเบอร์โทร.แจ้งเหตุภัยทางการเงินและมิจฉาชีพเหล่าสแกมเมอร์ของธนาคาร 24 ชม. มีดังนี้

 

  1. ธนาคารกสิกรไทย (KBank) 0 2888-8888 กด 001
  2. ธนาคารกรุงไทย (Krungthai) 0 2111-1111 กด 108
  3. ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) 0 2777-7575
  4. ธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank) 1333 หรือ 0 2645-5555 กด 3
  5. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (Krungsri)1572 กด 5
  6. ธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb)1428 กด 03
  7. ธนาคารออมสิน (GSB) 1115 กด 6
  8. ธนาคารยูโอบี (UOB) 0 2344-9555
  9. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB Thai) 0 2626-7777 กด 00 หรือ 12

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ค้นหา