กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมมือองค์การทางศาสนา จัดทำแนวทางปฏิบัติตามหลักศาสนาสำหรับศาสนิกชน ร่วมรำลึกสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เผยแผ่โดย สำนักข่าว Thailand Today’s in news
Date 29.10.68 Time 15:12 pm

นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ผู้ทรงอุปถัมภ์และทำนุบำรุงทุกศาสนาในประเทศไทยอย่างเท่าเทียม ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความผาสุกของประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยมิได้ทรงแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา หรือฐานะใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งยังทรงเปี่ยมด้วย
พระเมตตาธรรมและพระวิริยะอุตสาหะในการทรงงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
การถวายความอาลัยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รัฐบาลมีนโยบายให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไว้ทุกข์ 1 ปี ส่วนประชาชนขอให้ร่วมไว้อาลัย 90 วัน โดยในส่วนของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้ขอความร่วมมือองค์การทางศาสนา จัดทำแนวทางการปฏิบัติตามหลักศาสนา ให้ศาสนิกชนของแต่ละศาสนาร่วมน้อมถวายอาลัยและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
อันหาที่สุดมิได้ โดยมีแนวทางตามหลักศาสนา ดังนี้
ศาสนาพุทธ มีมติมหาเถรสมาคม ที่ พิเศษ 7/2568 เรื่อง แนวทางการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล
เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
มีมติให้คณะสงฆ์ วัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศ ดำเนินการดังนี้ 1. จัดโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระฉายาลักษณ์ หรือพระสาทิสลักษณ์ พร้อมตั้งเครื่องราชสักการะ ภายในพระอุโบสถหรืออุโบสถ หรือสถานที่บำเพ็ญกุศลซึ่งสมพระเกียรติภายในวัด และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถวายบังคม 2. ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระพุทธมนต์ หรือสวดพระอภิธรรม อุทิศถวายพระราชกุศล ตามเวลาที่เหมาะสมของแต่ละวัดและชุมชน ประจำทุกวันเป็นเวลา 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป 3. ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานอุทิศถวายพระราชกุศล เมื่อเสด็จสวรรคตครบสัตตมวาร (7 วัน) ในวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ปัณรสมวาร (15 วัน) ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ปัญญาสมวาร (50 วัน) ในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 และสตมวาร (100 วัน) ในวันที่ 31 มกราคม 2569 ด้วยการบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ ตามบริบทที่เหมาะสมของแต่ละวัดและชุมชน 4. ให้สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมถวายพระราชกุศลเป็นกรณีพิเศษ เมื่อเสด็จสวรรคตครบสัตตมวาร (7 วัน) ปัณรสมวาร (15 วัน) ปัญญาสมวาร(50 วัน) และสตมวาร (100 วัน) 5. ให้คณะสงฆ์เจริญจิตตภาวนาเพื่ออุทิศถวายพระราชกุศล ภายหลังทำวัตรสวดมนต์เย็น เป็นประจำทุกวัน ตลอดระยะเวลาตามประกาศไว้ทุกข์ในพระราชสำนัก 6. เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมบำเพ็ญกุศลด้วยการสวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา รักษาศีล ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศล ตลอดระยะเวลาตามประกาศไว้ทุกข์ในพระราชสำนัก
ศาสนาอิสลาม จุฬาราชมนตรีได้ประกาศแนวทางปฏิบัติสำหรับพี่น้องมุสลิมทั่วประเทศ เพื่อร่วมแสดงความอาลัยอย่างเหมาะสมและสมพระเกียรติ โดยกำหนดให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐมุสลิมแต่งเครื่องแบบปกติขาว หรือเครื่องแบบตามที่ทางราชการกำหนด เว้นแต่กรณีได้รับการยกเว้นเป็นพิเศษ
ส่วนประชาชนทั่วไปให้แต่งกายสุภาพ สีเรียบ ไม่ฉูดฉาด ทั้งนี้ ในการเข้าถวายอาลัยพระบรมศพ ให้ยืนตรงสงบนิ่งหรือก้มศีรษะคำนับอย่างเหมาะสม โดยไม่ถึงระดับรุกัวะ หรือการก้มศีรษะที่ลำตัวขนานกับพื้น
พร้อมกันนี้ ได้กำหนดให้มัสยิดทั่วประเทศอ่านคำถวายอาลัยก่อนละหมาดวันศุกร์ เพื่อรำลึกถึง
พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และให้กล่าวคุตบะห์วันศุกร์ถึงพระราชกรณียกิจที่ทรงมีต่อศาสนาอิสลาม
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้มัสยิดและศูนย์การเรียนรู้ชุมชนจัดนิทรรศการเผยแพร่พระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม เพื่อให้ศาสนิกชนได้ร่วมรำลึกถึงพระเมตตาธรรมอันล้นพ้นของพระองค์
ศาสนาคริสต์ สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ในนามของพระศาสนจักรคาทอลิกและคริสต์ศาสนิกชนชาวไทย ได้ออกประกาศแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง พร้อมได้เชิญชวนให้วัดคาทอลิก สถานศึกษา และหน่วยงานในพระศาสนจักรทั่วประเทศจัดตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์
ในสถานที่อันสมควร เพื่อให้คริสตชนได้ร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมจัดพิธีอธิษฐานภาวนาในพิธีบูชาขอบพระคุณวันอาทิตย์ นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้มีการไว้ทุกข์ถวายเป็นระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
สภาคริสตจักรในประเทศไทยได้แจ้งให้คริสตจักรภาค คริสตจักรท้องถิ่น และหน่วยงานในสังกัดจัดพิธีนมัสการพระเจ้าและอธิษฐานถวายต่อพระเจ้า เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ พร้อมลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 30 วัน และแต่งกายไว้ทุกข์ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว รวมทั้งเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระองค์ผ่านสื่อต่างๆ ของคริสตจักรในสังกัด
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทยได้ออกประกาศเชิญชวนคริสตจักร องค์กร และสถาบันในเครือทั่วประเทศ ร่วมจัดพิธีนมัสการพระเจ้า หรืออธิษฐานถวายต่อพระเจ้าเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ พร้อมลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 30 วัน และปรับกิจกรรมในช่วงการไว้ทุกข์ให้เหมาะสม โดยถือแนวทางของทางราชการเป็นหลัก รวมทั้งเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระองค์ในสื่อประชาสัมพันธ์ของแต่ละหน่วยงานในสังกัด
มูลนิธิคริสตจักรคณะแบ๊บติสต์ ได้เชิญชวนคริสตจักรในสังกัดร่วมถวายอาลัยตามแนวทาง
ของภาครัฐ โดยให้ลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 15 วัน และแต่งกายไว้ทุกข์เป็นเวลา 30 วัน โดยอาจจัดการนมัสการเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นกรณีพิเศษ พร้อมปรับรูปแบบกิจกรรมทางศาสนาให้เหมาะสม เช่น งานคริสต์มาส และงานปีใหม่ ให้มีความเรียบง่ายและสำรวม
ส่วนมูลนิธิคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสแห่งประเทศไทย เชิญชวนประชาชนร่วมน้อมรำลึกและอธิษฐานสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ ผ่านการนมัสการประจำวันและการนมัสการประจำสัปดาห์ ให้เหมาะสมตามความเชื่อของคริสตจักร ด้านการแต่งกายขอให้ผู้รับใช้ ศิษยาภิบาล เจ้าหน้าที่ และสมาชิก แต่งกายไว้ทุกข์ตามที่ทางราชการกำหนด ในช่วงเวลาที่เหมาะสม สำหรับหน่วยงาน และสถานศึกษาในสังกัดมูลนิธิฯ ลดธงครึ่งเสา รวมทั้งปรับรูปแบบกิจกรรมต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับช่วงเวลาการไว้ทุกข์ โดยงดกิจกรรมที่มีลักษณะเป็นงานรื่นเริงและถือปฏิบัติตามแนวทางของทางราชการเป็นหลัก และเผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านบนช่องทางสื่อสารของคริสตจักรหรือสถาบัน เพื่อรำลึกถึงและเชิดชูพระเกียรติคุณ
ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู สมาคมฮินดูสมาช วัดเทพมณเฑียร เทวสถาน สำหรับโบสถ์พราหมณ์และโรงเรียนภารตวิทยาลัย พร้อมด้วยคณะพราหมณ์ ร่วมประกอบพิธีสวดมนต์ขอพรต่อเทพเจ้า เบื้องหน้า
พระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2568 เวลา 16.00 น. และวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 11.00 น. ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน (ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568) คณะพราหมณ์สดมนต์บทสวดจาก “คัมภีร์ภควัตคีตา” โศลกที่ 15 “โยคะแห่งพระเจ้าสูงสุด” (ชรี-บะกะวาน อุวาซะ) สวดภควคีตา ตั้งแต่เวลา 08.00 – 09.00 น. ทุกวัน ณ วัดเทพมณเฑียร เป็นเวลา 90 วัน โดยแต่งกายไว้ทุกข์ตามที่ทางราชการกำหนด และปรับรูปแบบกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมกับช่วงเวลาไว้ทุกข์ โดยถือแนวทางของทางราชการเป็นหลัก
ศาสนาซิกข์ สมาศรีคุรุสิงห์ เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมบำเพ็ญกุศลด้วยการสวดมนต์ เจริญจิตภาวนา รักษาศีล ฟังธรรม และปฏิบัติธรรม เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศล ตลอดระยะเวลาตามประกาศไว้ทุกข์ในพระราชสำนัก และจัดโต๊ะหมู่บูชาประดิษฐานพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมตั้งเครื่องราชสักการะ ภายในวัดซิกข์ และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้
ลงนามถวายอาลัยประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลสวดอัรดาส อุทิศถวายพระราชกุศล ประจำทุกวันเป็นเวลา 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป และในวันสำคัญทางศาสนาซิกข์ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568
จะทำพิธีสวดอัรดาส อุทิศถวายพระราชกุศล และจะกล่าวถึงพระราชกรณียกิจ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในด้านต่าง ๆ เพื่อน้อมถวายความอาลัย ด้วยสำนึกใน
พระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
สมาคมนามธารีสังคัตแห่งประเทศไทย แจ้งแนวทางปฏิบัติ สำหรับศาสนิกชนซิกข์-นามธารี
โดยได้กำหนดแนวทางปฏิบัติ ในวันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2568 ได้จัดให้ศาสนิกชนซิกข์-นามธารี มีการยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัย และรำลึกถึงพระมหากรุณาที่คุณอันหาที่สุดไม่ได้ เป็นเวลา 1 นาที ต่อด้วยพิธีอัรดาส (Ardas) และในการจัดพิธีสวดมนต์เป็นประจำทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่อาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป จะมีตั้งโต๊ะหมู่บูชาถวายสักการะสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง พร้อมสมุดลงนามถวายความอาลัย อีกทั้งให้มีการจัดบอร์ดนิทรรศการแสดงถึงพระราชกรณียกิจ โดยให้ศาสนิกชนแต่งกายไว้ทุกข์ ตามธรรมเนียมประเพณีของศาสนาซิกข์ และยึดหลักตามที่ราชการกำหนด
หากจะต้องมีกิจกรรมใดๆในศาสนสถาน จะให้ปรับรูปแบบกิจกรรมต่างๆให้เหมาะสมกับช่วงเวลาการไว้ทุกข์
ทั้งนี้ กรมการศาสนาเชิญชวนประชาชนทุกศาสนา ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ผู้ทรงอุปถัมภ์กิจการศาสนาอย่างเสมอภาคทั้งศาสนาพุทธ อิสลาม คริสต์ พราหมณ์–ฮินดู และซิกข์ และร่วมปฏิบัติตนด้วยความสำรวม รักษาศีลธรรม ประพฤติดี ทำประโยชน์ต่อส่วนรวม และสืบสาน
พระราชปณิธานของพระองค์ในการสร้างความรัก ความสามัคคี และสันติสุขให้แก่ประเทศชาติ เพื่อให้ความดีงามอันทรงสร้างไว้คงอยู่สถาพรในใจคนไทยตราบนานเท่านาน

