“เกร็ดความรู้ด้านศาสนาและคติธรรมในงานพระราชพิธีพระบรมศพ”
เรื่อง…ธรรมเนียมการบำเพ็ญกุศลแด่ผู้ล่วงลับในคติพุทธศาสนาและราชประเพณีไทย
เผยแผ่โดย สำนักข่าว Thailand Today’s in news🦅🦅
Date 31.10.68 Time 11:38 am

ด้วยในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลและแสดงความอาลัย ในวาระครบ 7 วัน (สัตตมวาร) 15 วัน (ปัณรสมวาร) 50 วัน (ปัญญาสมวาร) 100 วัน (สตมวาร) แห่งการสวรรคต และการจัดกิจกรรมรวมพลังแห่งความภักดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และในต่างประเทศ จัดพิธีบำเพ็ญกุศล ดังนี้
- วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม 2568 ในวาระครบ 7 วัน สัตตมวาร (สัด-ตะ-มะ-วาน)
- วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ในวาระครบ 15 วัน ปัณรสมวาร (ปัน-นะ-ระ-สะ-มะ-วาน)
- วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม 2568 ในวาระครบ 50 วัน ปัญญาสมวาร (ปัน-ยา-สะ-มะ-วาน)
- วันเสาร์ที่ 31 มกราคม 2569 ในวาระครบ 100 วัน สตมวาร (สะ-ตะ-มะ-วาน)
ไขความหมายวาระ ๗, ๑๕, ๕๐ และ ๑๐๐ วัน :
พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ (ทองดี สุรเตโช, ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมกิตติวงศ์ ได้อธิบายความหมายของคำว่า สัตตมวาร ปัณรสมวาร ปัญญาสมวาร และสตมวาร เป็นคำบาลี–สันสกฤต หมายถึง การครบกำหนดระยะเวลาของเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งในบริบทของพิธีกรรมศพ หมายถึง “การทำบุญครบวาระ” เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ถึงแก่กรรม
ความหมายและลำดับของวาระการทำบุญ
ในทางพระพุทธศาสนาเชื่อกันว่าหลังความตาย วิญญาณของผู้ล่วงลับจะยังคงอยู่ในภพภูมิชั่วคราว
ก่อนจะไปเกิดในภพภูมิใหม่ตามกรรม วิญญาณจึงสามารถรับอานิสงส์จากการบำเพ็ญกุศลของผู้เป็นญาติได้ การจัดพิธีบำเพ็ญกุศลในวาระต่าง ๆ จึงมีนัยสำคัญในการส่งเสริมบุญกุศลแก่ดวงวิญญาณ และเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีของผู้มีชีวิตต่อผู้ล่วงลับ
โดยทั่วไป ครอบครัวชาวพุทธจะจัดให้มีการสวดพระอภิธรรมตั้งแต่คืนแรกของการถึงแก่กรรม
และทำบุญอุทิศส่วนกุศลเมื่อครบ ๗ วัน ๑๕ วัน ๕๐ วัน และ ๑๐๐ วัน ตามลำดับ พิธีกรรมประกอบด้วย
การถวายภัตตาหาร การสวดพระพุทธมนต์ การกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล และการแสดงธรรมเทศนา ซึ่งอาจจัด ณ วัด หรือที่บ้าน ตามความเหมาะสมของแต่ละครอบครัว
จากหนังสือ “ธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดงานพระบรมศพ” โดยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้อธิบายเรื่องพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร ไว้ว่า การจัดพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน) ถือเป็นวาระสำคัญที่สุดวาระหนึ่งในการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ การทำบุญอุทิศถวายพระราชกุศลในช่วงนี้ โดยเฉพาะในวันครบรอบ 100 วัน (สตมวาร) จึงเปรียบเสมือนการส่งบุญ
เพื่อหนุนนำให้ดวงพระวิญญาณได้ไปสู่สุคติภูมิหรือ “สวรรคาลัย”
“พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร” ของราชวงศ์ไทยนั้น ยึดถือสืบต่อกันมาด้วยความเคร่งครัดตามโบราณราชประเพณี อันมีรากฐานจากคติสมมติเทพ เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเทิดทูนพระเกียรติยศสูงสุดแด่พระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศ์ผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ณ เขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งแดนทิพย์ในคติไตรภูมิ เป็นการสืบสานขนบธรรมเนียมราชสำนักที่ผสมผสานหลักพระพุทธศาสนาเข้ากับวัฒนธรรมไทยอย่างวิจิตรและลึกซึ้ง

ความต่อเนื่องของศรัทธาและคุณค่าทางจิตใจ
พิธีทำบุญในวาระ ๗ วัน ๑๕ วัน ๕๐ วัน และ ๑๐๐ วัน มิได้เป็นเพียงขนบธรรมเนียมทางศาสนาที่สืบต่อกันมาเท่านั้น หากยังเป็นวัฒนธรรมที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างคนเป็นกับคนตาย รวมถึงเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญู ความระลึกถึง และความเชื่อในอำนาจแห่งบุญกุศล ที่เชื่อว่าสามารถเกื้อหนุนดวงวิญญาณให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี
พร้อมกันนั้น ยังเป็นช่วงเวลาแห่งการเยียวยาจิตใจของผู้ที่ยังอยู่ ให้ค่อย ๆ ยอมรับและทำใจต่อการสูญเสียได้ ธรรมเนียมการบำเพ็ญกุศลในวาระต่าง ๆ จึงเป็นประเพณีที่ผสมผสานทั้งคติธรรม ความเชื่อ และคุณค่าทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนไทย อันเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมที่ดำรงอยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน
ในส่วนของการบำเพ็ญพระราชกุศล อุทิศถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังจัดให้มีการบำเพ็ญพระราชกุศลไปจนกว่าจะถึงพระราชพิธีถวายพระเพลิง
พระบรมศพ
